กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน จ.สระแก้ว ในสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไทม์ไลน์ 3 ระยะขับเคลื่อนด้วยข้อมูลการบริหารจัดการและให้ความช่วยเหลือ

กว่าสองสัปดาห์ของสถานการณ์ไม่ปลอดภัยจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2568 พื้นที่ใน 4 อำเภอของจังหวัดสระแก้วที่ได้รับผลกระทบและมีความเสี่ยงสูง คือ อ.คลองหาด อ.ตาพระยา อ.โคกสูง และ อ.อรัญประเทศ ส่งผลให้ในวันถัดมา (9 ธันวาคม 2568) มีการปิดเรียนของสถานศึกษาครอบคลุมทั้งจังหวัดจำนวน 9 อำเภอ และมีผู้อพยพกว่า 10,944 คน อพยพมายังศูนย์พักพิงที่รองรับ 34 แห่ง โดยในจำนวนผู้อพยพดังกล่าวจัดเป็นเด็กและเยาวชน มีจำนวน 3,951 คน คิดเป็นร้อยละ 20.74 ของจำนวนผู้อพยพ

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม 2568 นายสมคิด แตงพรม ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2 มอบหมายให้นางภานุรังษี ทาประเสริฐ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา สพป.สระแก้ว เขต 2 เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการศึกษาธิการ จังหวัดสระแก้ว ครั้งที่ 6/2568 เรื่องการวางแผนการเปิด-ปิดสถานศึกษาภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวเพื่อพิจารณาสถานศึกษาที่มีความปลอดภัยที่สามารถจะทำการเปิดการเรียนการสอนได้เป็นรายพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ด้วยบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานทางการศึกษากว่า 11 แห่ง ส่งผลให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นแกนนำในการดำเนินการจัดกิจกรรมให้กับเด็กและผู้พักพิงได้คลายเครียด รวมถึงการได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนทำให้สามารถยกระดับการดูแลด้านสวัสดิการและสร้างสวัสดิภาพต่อเนื่องในเรื่องของการฟื้นฟูจิตใจ การดูแลสุขภาพและการส่งเสริมการเรียนรู้ ตามลำดับ

สิ่งที่เกิดขึ้น แบ่งออกเป็น 3 ระยะ:
ในการรายงานผลการดำเนินงานกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่เด็กและเยาวชนจังหวัดสระแก้ว ในสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสระแก้ว ณ ห้องสื่อมัลติมีเดีย อาคาร 6 โรงเรียนสระแก้ว นางกษมา แสนอ่อน ศึกษาธิการจังหวัดสระแก้ว กล่าวรายงานเนื่องในโอกาสที่นายภูมิพัทธ เรืองแหล่ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจช่วยผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม 2568 พร้อมมอบเงินและสิ่งของบริจาคให้กับจังหวัดสระแก้ว ณ ศูนย์พักพิง อาคาร 7 และเยี่ยมเยียนให้กำลังใจเด็ก เยาวชนและประชาชนและหน่วยการศึกษาที่ร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมเด็กและเยาวชน ณ ศูนย์พักพิง อาคาร 8 และบริเวณโดมอาคารของโรงเรียน อาทิ กิจกรรมการประดิษฐ์งานฝีมือ กิจกรรมบริการตัดทรงผม กิจกรรมการทำอาหารและเครื่องดื่ม กิจกรรมร้องเพลง กิจกรรมการวาดรูประบายสี

โดยกล่าวว่า “ในช่วงระยะเริ่มต้นของสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นส่งผลให้มีการดำเนินการจัดตั้งสถานศึกษาเป็นศูนย์พักพิง จำนวน 4 แห่ง คือ
– บริเวณที่ตั้งของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 1
– โรงเรียนอนุบาลวัดสระแก้ว
– โรงเรียนท่าเกษมพิทยา
– โรงเรียนสระแก้ว

และจากการลงพื้นที่เยี่ยมศูนย์พักพิง เราได้ข้อมูลอาการเจ็บป่วยของผู้สูงอายุ, ความเครียดและความกังวลจากการห่วงบ้านเรือน เป็นต้น ปรากฎการณ์เหล่านี้จึงนำไปสู่การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความผ่อนคลายด้วยการจัดกิจกรรมทางดนตรี-เสียงเพลง ขึ้นภายในศูนย์พักพิง ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือและมีการบูรณาการความร่วมมือกันยังผลให้เกิดกิจกรรมต่าง ๆ มากมายตามมา ไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาหาร หรือการรับมอบอุปกรณ์เครื่องใช้อุปโภคบริโภคที่จำเป็น โดยเฉพาะ “มุ้ง” และ “ยากันยุง” ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้อพยพต้องการมากที่สุด” นางกษมา กล่าว

ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารจัดการและให้ความช่วยเหลือ:
ภายหลังจากนั้นเมื่อก้าวสู่ระยะที่สอง ระหว่างวันที่ 12-19 ธันวาคม 2568 จึงเป็นการดูแลด้านสวัสดิการสร้างสวัสดิภาพอย่างต่อเนื่องด้วยการฟื้นฟูจิตใจและการให้ความช่วยเหลือ โดยมีสำนักงาน สกสค.จังหวัดสระแก้ว มอบเงินสนับสนุนความช่วยเหลือจำนวน 200,000 บาท เพื่อจัดสรรให้กับโรงเรียนที่เป็นที่ตั้งของศูนย์พักพิงเพื่อใช้จ่ายเป็นค่าสาธารณูปโภคหรือการกำจัดขยะมูลฝอย และเป็นการช่วยบรรเทาและแก้ไขปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในทุก ๆ วัน”

และในระยะที่สองนี้เองที่จัดเป็นส่วนการดำเนินงานด้านการวางแผนสำหรับการนำเสนอกิจกรรมการดูแลด้านสุขภาพและการส่งเสริมการเรียนรู้ การบูรณาการของหน่วยงานการศึกษาทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน รวมถึงการใช้แบบสอบถามออนไลน์เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ในการดำเนินงานด้านการจัดกิจกรรมสำหรับเด็กและเยาวชน และผู้พักพิงในศูนย์ ตามลำดับ

ขอบคุณกำลังใจและความช่วยเหลือเพื่อผู้อพยพในศูนย์พักพิง:
ทั้งนี้ ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสระแก้ว ได้รับความช่วยเหลือทั้งจากหน่วยงานราชการและเอกชนตลอดจนประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากส่วนกลาง คือ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ได้มีการจัดคาราวานน้ำใจส่งความช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา และสำนักงานสภาการศึกษา ที่ได้ลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจแก่ผู้อพยพและมอบสิ่งของอุปโภคบริโภครวมถึงเงินช่วยเหลือยังศูนย์พักพิง

แนวทางการประเมินการให้ความช่วยเหลือและเตรียมรับมือ ระยะที่สามคำนึงถึงความปลอดภัย:
จากการรายงานผลการดำเนินงานกิจกรรมในวันดังกล่าว ระบุถึงแนวทางการการให้ความช่วยเหลือในระยะที่สาม ซึ่งเป็นช่วงระหว่างวันที่ 16-19 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา นางกษมา กล่าวว่า “เพื่อที่จะให้ผู้ที่อยู่ในศูนย์พักพิงอยู่ในภาวะปกติมีความปลอดภัย จึงได้มีการพิจารณาเปิดการเรียนการสอน 100% ในโรงเรียนที่มีที่ตั้งในพื้นที่สีเขียว เช่น อ.เมืองสระแก้ว อ.เขาฉกรรจ์ และ อ.วังน้ำเย็น ยกเว้นโรงเรียนที่ถูกจัดเป็นพื้นที่ศูนย์พักพิง (โรงเรียนอนุบาลสระแก้ว) ที่ยังคงไม่สามารถเปิดเรียนได้ และจะใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ Online และ Onsite สำหรับโรงเรียนใน 4 อำเภอที่ตั้งในเขตพื้นที่สีแดง” ศึกษาธิการจังหวัดสระแก้ว กล่าว

บรรณาธิการ: นางวันเพ็ญ อรัญ ผู้อำนวยการกลุ่มอำนวยการ
รายงาน: นางสาวนวลหยก ณ ระนอง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ
ข้อมูลภาพเพิ่มเติม: https://photos.app.goo.gl/yTQSbQk35pHs2JBk7
ช่องทางการสื่อสาร:
https://sakarea2.go.th/2025/12/23/กิจกรรมส่งเสริมการเรีย/
https://www.facebook.com/share/p/1K1WEeV8oK/

สอบถามได้นะคะ